วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

นโยบายสายฟ้าฟาด สะเทือนฟ้าดิน ของพม่า "ต่างชาติถือครองที่ดินได้ 100%"

Oh my god! ผมตกใจและตะลึงมากที่ได้ยินข่าวนี้ "พม่าร่างกฏหมายใหม่เปิดให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้ 100%" อะไรเนี่ย? ฟังแค่นี้ คุณอาจเฉยๆ ไม่รู้สึกอะไรนัก แต่เดี๋ยวผมจะค่อยๆ อธิบายไปทีละน้อยแล้วคุณก็จะเข้าใจเองว่าทำไม ผมถึงตื่นตะลึงกับนโยบายนี้่ ขนาดนั้น


อย่างแรก ผมอยากจะกล่าวถือกลุ่ม New world header สักหน่อย เป็นคำที่ผมใช้เรียกคนในโลกนี้ กลุ่มที่มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ ประมาณว่าไม่ได้ยึดมั่นในประเทศ, เชื้อชาติ, ศาสนาอะไรนัก แต่มองเ็ห็นโลกเป็นหนึ่งเดียวกัน และพร้อมเสมอที่จะไปทำงานในประเทศใดก็ได้ เช่น ทำงานในบริษัทนานาชาติที่มีสาขาในต่างประเทศได้ยาวนาน หรือลงหลักปักฐานอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตน ผมขอบอกว่าคนกลุ่มนี้คือ "สุดยอดของโลก" นะครับ เพราะอะไรครับ เขามีทั้ง ๑. ปัญญาและความสามารถระดับบนๆ ของคนทั้งหลาย ๒. เขามีใจกว้าง มีวิสัยทัศน์ มีโลกทัศน์กว้างไกล ๓. เขามีเงินไม่ใช่้น้อยๆ พร้อมที่จะโยกย้ายและลงทุน ปักหลักปักฐานใหม่ได้ทันที ถ้าเอาเงินพวกเขามารวมกันแล้ว รับรองว่าสามารถทำให้ประเทศที่ยากจนหรือล้าหลัง กลายเป็น "อเมริกา" ไปได้ในทันทีเลยครับ (ซึ่งผมก็จับตามองคนกลุ่มนี้ทั้งโลก ทุกเชื้อชาติศาสนา มานานแล้ว ว่าเขามีแนวโน้มจะไปลงหลักปักฐานที่ไหนครับ) บวกกับตัวเร่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ "โลกวิกฤติ" ครับ หลายประเทศที่เจริญแล้วมีวิกฤติทางด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติมาก ยิ่งเร่งให้พวกเขา "รีบๆ หาประเทศอยู่ใหม่ ที่ปลอดภัยกว่าครับ" ลองนึกดูสิครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น สมมุติว่า "ประเทศที่รวย มีคนกลุ่มนี้เป็นคนรวยอยู่ ๒๐%" วันหนึ่ง พวกเขาแ่ห่กันไปอยู่ประเทศที่ยากจนประเทศหนึ่ง เพราะมีปัจจัยมากมายเอื้อประโยชน์เปิดทางให้แค่สัก ๑๐% นะครับ ทันทีครับ ประเทศที่ร่ำรวยกลายเป็นจน และประเทศที่ยากจนกลายเป็นคนรวยไปเลย นี่แหละ ผมถึงบอกว่า "นโยบายนั้นสะเทือนฟ้าดิน" อย่างไรละครับ โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ คุณรู้ไหมว่ารัฐบาลสิงคโปร์ตอนนี้กลัวอะไรมากที่สุด? ผมจะตอบให้นะครับ "เขากลัวคนสิงคโปร์ย้ายไปอยู่ประเทศอื่นครับ" ถึงขนาดสร้างค่านิยมให้คนสิงคโปร์มองโลกหรือประเทศอื่นในแง่ร้ายไว้ และก็พยายามสร้างสิ่งรวมใจคือ ศิลปะวัฒนธรรม เพื่อดึงใจคนไว้ ผมเคยรู้จักคนสิงคโปร์ครับ เปลือกนอกเขาจะมองเราในแง่ลบบ้าง ชอบติไปบ้าง (แต่จริงๆ แล้ว เขาชอบเรานะครับ) คือ เป็นนิสัยเปลือกนอกเท่านั้นเอง เขาจะทำเหมือนไม่ชอบคนชาติอื่นหรือของประเทศอื่น ติไว้เพื่อต่อราคาอะไรแบบนั้น แต่ในใจจริงเขาไม่ใช่อย่างนั้น ชาวต่างชาติมากมายอยากอยู่เมืองไทย อยากเป็นคนไทยมากครับ เพราะอะไร? เพราะเขารู้แล้วว่าที่นี่ ปลอดภัยจากภัยพิบัติทางธรรมชาติมากกว่าประเทศของเขาที่เป็นเกาะอย่างไรละครับ นั่นแหละ สิ่งที่รัญบาลสิงคโปร์กลัวมาก จะเป็นอย่างไร? ถ้านายทุนรวยๆ ออกจากสิงคโปร์ไปตั้งรกรากที่ประเทศอื่นหมด ก็จบเห่สิครับ!


แล้ว "พม่า" มาใช้นโยบายนี้ได้อย่างไร? อ้าว เล่นแบบนี้ ผมแทบจะเป็นลม เพราะมันไม่ใช่นโยบายในการพัฒนาประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไปในทุกๆ ด้าน แต่มันเหมือนการใช้นโยบายเพื่อทำสงครามเย็น ยังไง ดูไม่ออกใช่ไหมครับ? อย่างนี้ ถ้าคุณจะเดินนโยบายเปิดประเทศแล้วใช้ชาวต่างชาติที่มีความสามารถมาพัฒนาประเทศ คุณก็ต้องค่อยๆ เปิดอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบคนในชาติที่อยู่ก่อน ใช่ไหมละ นี่หละ  นโยบายปกครองประเทศของจริง แต่นี่ไม่ใช่ มันสายฟ้าฟาดเลย เปรี้ยงเลยทีเดียวเล่นเอาสั่นสะเทือนไปหมด คุณลองคิดดู ประเทศเผด็จการทั้งหลาย ปกติเขาจะเป็น "ชาตินิยม" เืกือบหมดนะครับ ยกเว้น น้อยมากๆ บางประเทศที่มีแนวคิด "อินเตอร์" ดังนั้น เขาจะทั้งอนุรักษนิยมและชาตินิยม เหมือนประเทศจีนน่ะแหละ อะไรๆ ก็เป็นของรัฐบาลหมด คุณไปลงทุนแล้ว ที่ดินก็ไม่ใช่ของคุณ อ้าว เป็นของเขาครับ อยู่ๆ เรารวยจะเอาเงินไปซื้อประเทศเขา ไม่ไ่ด้หรอกนะครับ นี่เขาเดินนโยบายปกป้องไว้อย่างนี้ แต่พม่า ซึ่งเป็นเผด็จการแหวกแนวมาก มาได้ไง ใช้นโยบายนี้ ไม่เท่ากับ "โปรโมชั่นสุดร้อนแรง" เพื่อดึงดูดเอานักลงทุนนานาชาติลงประเทศของตนเองอย่างนั้นหรือ? ผลกระทบย่อมเกิดแน่ ต่อประเทศทุกประเทศที่เหล่านักลงทุนนานาชาติ กำลังตัดสินใจอยู่ว่า "เอ? ฉันจะย้ายการลงทุนไปลงประเทศไหนดี?" เพราะว่าการได้ถือครองที่ดินนี่ มันคือ "สุดยอดความปรารถนาของนักลงทุนนานาชาติเลยครับ" เพราะอะไร? อ้าว ถ้าคุณเอาเงินไปลงทุนระยะยาวทั้งชีวิต (โรงงานคุณคงไม่คิดจะปิดตัวไปง่ายๆ หรอกนะครับ มันก็ต้องรันชั่วชีวิต) คุณก็ต้องดูแลธุรกิจของคุณนานๆ โรงงานเอย, บริษัทเอย ตั้งแล้ว ถ้ามันไม่ใช่ของคุณ ทั้งๆ ที่คุณลงเงินไปมาก คุณรู้สึกอย่างไร? ไม่มั่นคง ไม่มั่นใจ ใช่ไหม? เพราะไม่มีประเทศไหนที่เขาจะเปิดให้คนต่างชาติมาถือครองที่ดินในชาติของตนง่ายๆ หรอกครับ มิเท่ากับเปิดทางให้คนเอาเงินซื้่อประเทศกันเลยน่ะสิ แต่นี่ พม่าใจป้ำ, ใจกว้าง, ใจกล้า ยอมให้เลย ให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้เลย โอ้ พระเจ้า มันแรงมากครับ สำหรับความรู้สึกของนักลงทุนนานาชาติ


ผมเคยคิดอยู่นานเหมือนกัน ว่าจะทำอย่างไรจึงจะดึงเอาคนมีความสามารถและคนรวยจากทั่วโลก มายังประเทศของเราได้ "โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคนไทยเราดั้งเดิม" ผมยังคิดอย่างรอบคอบหลายครั้ง เลยยังไม่ได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด เคยคิดว่า "สนับสนุนเขยฝรั่ง-สะใภ้ฝรั่ง" ดีไหม? หรือว่าใ้ช้ "นโยบายกรีนการ์ด" คือ ให้ถือบัตรสำรองคล้ายๆ บัตรประชาชนไปก่อน มีสิทธิ์บางอย่างแต่สิทธิ์บางอย่างจะจำกัด จนเมื่อทำงานพัฒนาชาติไทยนานถึงจุดหนึ่ง เช่น 10 ปี ก็ค่อยๆ ออกบัตรประชาชนให้ อะไรแบบนั้น เพื่อดึงเอาคนที่มีความสามารถจากทั่วโลกมาใช้งาน เพราะรากเหง้าประเทศเรา "มันไม่ใช่ของเชื้อชาติหนึ่งเชื้อชาติใด" มานานแล้วครับ แผ่นดินนี้ มี "หลายเชื้อชาติมาอยู่ร่วมกัน" ดังนั้น ไม่แปลกถ้าปัจจุบัน เราจะมีคนต่างชาติเข้ามาเป็นคนไทย แต่ว่า "มันต้องมีขั้นตอนและการดำเนินการอย่างรอบคอบ" ค่อยเป็นค่อยไปครับ ไม่เช่นนั้น มันจะเกิดผลกระทบในด้านอื่นๆ ได้ ทว่า พม่าใช้นโยบายนี้ ไม่เท่ากับเป็นการ "ชิงลงมือก่อน" แบบสายฟ้าฟาด ซึ่งผมมองว่าในด้านต่างๆ จะส่งผลกระทบต่อพม่าแน่นอน แต่ในด้านสงครามเย็นละก็ นับว่าได้ผลดีอยู่ (นโยบายนี้ใช้่เพื่อเกื้อหนุนสงครามเย็นได้ แต่ใช้เป็นนโยบายปกครองประเทศแบบสุขุมรอบคอบไม่ได้)  


ผมเคยเขียนบทความและเตือนไว้แล้วว่า "อย่าประมาทประธานาธิบดีพม่า" เขาไม่ธรรมดาหรอกครับ!



3 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ใจกว้างเป็นท้องฟ้า แถมลงมือแบบสายฟ้าฟาดอย่างนี้ ทำให้ผมนึกถึงเทพซูสแล้วสิครับ!

Unknown กล่าวว่า...

คนจนมาไทย (แรงงานได้ค่าแรง 300 บาท)
คนรวยไปพม่า (ซื้อที่ดินครองได้ 100%)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดูกันไปนาน...อะไรจะเกิดต้องเกิด

แสดงความคิดเห็น