Group Psy

จิตวิทยาหมู่ คือ กา่รใช้คนจำนวนมากๆ สร้างความเชื่อให้คนที่มาใหม่ หรือคนอื่นๆ มีความเชื่อคล้อยตามกันไป เ่ช่น การแห่ไปกราบไหว้ตอไม้ว่าเป็นสิ่งศักดิิสิทธิ์ ใช้คนจำนวนมากๆ แห่กันไป คนที่เป็นพวกน้อย หรือไม่มีพรรคพวก ก็ต้อง "แห่เชื่อตามๆ กัน" เรียกว่าการใช้จิตวิทยาหมู่ นั่นเอง ดังรายละเอียดที่มีใน บางเว็บ ผมขออนุญาตินำเสนอไว้ ดังนี้


เมื่อคนไทยโดน "จิตวิทยาหมู่"


 
หลังจาก น.พ. ประกิตเผ่า ทมชิตชงค์ เปิดเผยในวงเสวนาถึงเรื่องการตกเป็นเหยื่อของจิตวิทยาหมู่ได้ไม่กี่วัน ผมก็ได้รับจดหมายจากเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเชื่อว่าตัวเองก็เคยตกอยู่ในอาการคล้ายๆ กัน

                แต่เพื่อนของผมรายนึ้อาการหนักหน่อย  เพราะโดนนานถึงกว่าห้าปี  กว่าจะรู้ตัวก็เกือบเสียผู้เสียคนไปแล้ว

                ตอนแรกก็อาย ไม่อยากให้ใครรู้  แต่พอเห็นคุณหมอประกิตเผ่า เปิดเผยเรื่องตัวเองอย่างหน้าชื่นตาบาน ก็เลยรวบรวมความกล้าเขียนจดหมายมาหาผมแถมกำชับให้ช่วยเผยแพร่ให้คนทั้งประเทศรับรู้ด้วย เพราะเขาเชื่อว่ามีชาวบ้านอีกไม่น้อยยังไม่ฟื้นจากฤทธิ์ของจิตวิทยาหมู่

                อาการเริ่มแรกของแกเหมือนหมอประกิตเผ่าไม่มีผิด  เริ่มต้นจากปฏิกิริยาต่อคนที่ใกล้ชิดที่สุดก่อน

                วันไหนได้ยินเมียวิจารณ์รัฐบาลทักษิณ  เลือดจะขึ้นหน้าทันที

ผมรักภรรยาผมมาก   แต่คุณเชื่อไหมครับ ถ้าเธอเริ่มด่าทักษิณให้ผมฟัง   ผมจะเห็นเธอเป็นยักษ์ขมูขีทันที  ทั้งเกลียดทั้งกลัว   ไม่อยากอยู่ใกล้...  เพื่อนผมบรรยายถึงความรู้สึกที่อยู่เหนือการควบคุม

เพื่อนผมเล่าในจดหมายว่าอาการที่เกิดขึ้นน่าจะมีที่มาที่ไปจากจิตวิทยาหมู่     โดยเฉพาะทุกครั้งที่อยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงที่คลั่งไคล้ในตัวอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร

ลองคิดดูสิครับ   เพื่อนทั้งกลุ่มห้าหกคนต่างก็ท่องเป็นเสียงเดียวกันว่า ทักษิณดีที่สุด  ทักษิณเก่งที่สุด  ทักษิณรวยแล้วไม่โกง   ผมเหลืออยู่คนเดียวผมก็ต้องท่องตามสิครับ   ยิ่งผมมีความเชื่อคล้ายๆ กันอยู่แล้ว   แต่ถูกจิตวิทยาหมู่ให้ท่องแบบนี้ทุกวันและท่องวันละหลายๆรอบ ผมก็ยิ่งเชื่อจนหลงไปเลยครับ  เพื่อนผมเล่าในจดหมาย

เท่านั้นยังไม่พอ  เพื่อนผมคนนี้ยังถูกเพื่อนๆพาไปนั่งสมาธิเกือบทุกคืน    แถมมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคอยกำกับจนแกเตลิดเปิดเปิงได้ยินเสียงทักษิณมากระซิบข้างหูและเห็นภาพทักษิณล่องลอยในอากาศเหมือนผู้วิเศษที่มาโปรดคนยากจน

บรรยากาศของสื่อมวลชนก็มีส่วนอย่างมากในการทำให้จิตวิทยาหมู่ต่อเพื่อนผมได้ผลเป็นพิเศษ    เปิดทีวีไม่ว่าช่องไหน ก็เห็นแต่ข่าวที่ตอกย้ำความเป็นผู้เหนือมนุษย์ของทักษิณ 

                หมอประกิตเผ่าบอกว่าปกติคนบ้ามักไม่ยอมรับว่าตัวเองบ้า  ซึ่งก็เหมือนเพื่อนผมเปี๊ยบเลยครับ     เพราะเขาไม่เคยยอมรับว่าตัวเองมีอาการบ้าทักษิณไปแล้ว  ขนาดเมียและคนใกล้ชิดหลายคนคอยเตือนว่ากำลังมีอาการผิดปกติ แต่แกก็ไม่เชื่อ  กลับมีอาการฉุนเฉียวแทบจะฆ่ากันตายไปข้างหนึ่ง
               
            คนที่เคยรู้จักเพื่อนผมคนนี้ต่างก็งงไปตามๆ กัน  เพราะก่อนหน้านี้แกเป็นคนมีเหตุผล    เรื่องการบ้านการเมืองถกเถียงกันได้   จะชอบหรือไม่ชอบนักการเมืองคนไหนก็ว่ากันไปตรงๆ  ไม่ต้องคอยระวังว่าพูดไปแล้วจะมีเรื่องหรือเปล่า

                เพื่อนผมยอมรับว่าถูกกระบวนการทำให้หลงทักษิณตั้งแต่พรรคไทยรักไทยกวาดที่นั่งในการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมกราคม 2544  และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็แทบไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร

                บางครั้งเหมือนสมองว่างเปล่าและบางครั้งก็เหมือนถูกตั้งโปแกรมไว้   ใครจะเอาความดีงามของทักษิณมายัดใส่ก็เชื่อโดยไม่ต้องมีข้อสงสัย  แต่ถ้าใครลองมาวิจารณ์ทักษิณให้ได้ยินละก้อ จะเป็นคนละคนทันที   บางครั้งพกปืนเดินตามซอกซอยคอยหาเรื่องยิงหัวคนที่บังอาจด่าทักษิณให้ได้ยิน

            บางวันพกปืนสี่ห้ากระบอกเดินพล่านอยู่ในบ้าน ปากก็บ่น มีคนจะฆ่าทักษิณ... มีคนจะฆ่าทักษิณ... มีคนจะฆ่าทักษิณ... ทำเอาลูกเมียอกสั่นขวัญแขวนไปหมด

            ยังโชคดีนะครับ  เพื่อนผมถูกเมียหลอกให้เข้าไปรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพราะถ้าขืนปล่อยไว้มีสิทธิ์กระเจิดกระเจิงมากกว่านี้แน่

                และที่โรงพยาบาลนี่แหละที่แกเริ่มตั้งสติได้   เป็นครั้งแรกที่แกมีโอกาสได้ดูทีวีสองสามช่องที่ไม่เคยดูมาก่อน     และอ่านหนังสือพิมพ์บางฉบับที่ไม่เคยอ่านมาก่อน   และได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

                และแกก็มาเริ่มปิ๊งเมื่อกลางปีที่แล้ว ในช่วงที่มีชาวบ้านเป็นหมื่นๆ คนชุมนุมกันที่สนามหลวงและเปิดเวทีไล่ทักษิณ   แกนั่งอยู่หน้าจอทีวีฟังคนผลัดกันขึ้นเวทีชำแหละอดีตนายกฯ  ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ  ทำเอาอาการที่ถูกจิตวิทยาหมู่ยัดเยียดให้หายเป็นปลิดทิ้ง   

            เพื่อนผมปิดท้ายจดหมายด้วยการเล่าว่าวันที่แกรู้ตัวว่ากลับมาเป็นคนปกติเหมือนเดิมก็คือ วันที่แกกับเพื่อนๆในโรงพยาบาลนับร้อยยืนอยู่จอทีวีและตะโกนพร้อมๆ กันว่า ทักษิณ...ออกไป๊!”

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น