วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

มวยคู่เอก : โอบาม่า VS มิต รอมนี่

มวยคู่เอกในช่วงเวลาสุดฮอตนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก โอบาม่า และ มิต รอมนี่ นั่นเอง ถึงแม้ว่าผลการเืลือกตั้งจะออกมาแล้ว แต่แนวโน้มการเมืองก็ใช่ว่าจะดีนะครับ อ้าว แล้วทำไมเป็นเช่นนั้น? ก่อนอื่น ผมอยากจะเท้าความ "การเมืองแบบอเมริกัน" ให้ท่านเข้าใจสักนิดครับ มันไม่เหมือนบ้านเราครับ กล่าวคือ ในอเมริกานี้ มันจะมี "องค์กรลับ" คอยหนุนหลังการเมืองอยู่ และองค์กรลับเหล่านี้ก็คือ ผู้คนที่ทำงานมีบริษัท, มีหุ้น, มีเงิน, มีอำนาจ, มีไพร่พลบริวาร ฯลฯ มากมายกระจายทั่วประเทศอเมริกัน หรือกล่าวง่ายๆ คือ พวกเขาล้วนต้องเล่นการเมืองเพื่อความอยู่รอดครับ เช่น ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทในอเมริกา คุณก็ต้องร่วมเดิมพัน ลงขันด้วยครับว่า "คุณจะเลือกแทงข้างไหน?" เพราะนั่นหมายถึง ผลประโยชน์และความช่วยเหลือจากภาครัฐจะมาถึงกลุ่มทุนของคุณ มากกว่าคู่แข่งขันทางธุรกิจของคุณแน่นอน ถ้าคุณทำให้คนที่คุณสนับสนุนเป็นประธานาธิบดีได้แต่คู่แข่งทางธุรกิืจของคุณ ทำไม่ได้ ก็ชัดเจนครับว่าคุณสบายใจได้เลย นี่หละ คุณจึุงต้องเข้าร่วมกลุ่มลับๆ หรือองค์กรลับๆ นั้นไปโดยพฤตินัย หลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้วสิครับ ทีนี้ คุณอาจไม่รู้จักองค์กรลับเหล่านี้เลยหรืออาจไม่เคยรู้จักใครในองค์กรนี้เลยก็เป็นได้ครับ เพราะ อะไำร? อ้าว ก็เพราะมันลับมากๆ ไงละครับ ฮ่าๆๆ แต่คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้วโดยไม่ต้องสมัครที่ไหน โดย "การกระทำ" เช่น การเลือกข้างฝ่ายทางการเมือง (จะเลือกรีพับลิกันหรือเดโมแครตละครับ) ก็เท่านั้นเอง เมื่อคุณลงขัน ออกเงิน ช่วยเหลือพวกเขาแล้ว คุณก็คือ ส่วนหนึ่งขององค์กรลับที่หนุนหลังพรรคการเมืองเหล่านั้นด้วย ซึ่งมันมีอย่างน้อย 2 องค์กรใหญ่นะครับ ไม่แน่ใจว่าจะเป็น อิลูมินาติ และ ฟรีเมสัน หรือไม่ ถ้าให้ผมเดา อิลูมินาติ น่าจะสนับสนุน "พรรครีพับลิกัน" ซึ่งออกเป็นพวกมีหัวอนุรักษ์นิยม, ชาตินิยมและเคร่งศาสนามากกว่า ส่วน ฟรีเมสัน น่าจะสนับสนุน "พรรคเดโมแครต" ซึ่งออกเป็นพวกไม่ค่อยสนใจศาสนาอะไรนัก ไม่่ค่อยอนุรักษ์นิยมมาก มักโอนอ่อนผ่อนปรนตามเสียงประชาชน เืพื่อให้ได้มาซึ่ง "คะแนนเสียงเหนือพรรครีพับริกัน" นั่นเอง เอาละ ผมก็ไม่ได้รู้อะไรจริงนักหรอก เพราะทุกอย่างมัน "ลับมากๆ" อย่างไรละครับ ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่าให้คุณช่วยไปหาข้อมูล ข้อเท็จจริง ของการเมืองอเมริกาแบบล้วงลึกตามสไตล์ของเว็บนี้เลยดีไหม? จะได้เห็นนอกเห็นใน เห็นใส้ เห็นพุง เห็นเบื้องหน้า เบื้องหลังซะที


เท้าความมามากพอแล้ว ก็ขอเข้าเรื่อง "โอบาม่า" และ "มิต รอมนี่" เลยก็แล้วกัน อย่างแรก มันจะเริ่มต้นจาก "องค์กรลับ" วางแผนและกำหนดยุทธศาสตร์ทั้งหมดโดยรวมก่อน จากนั้นก็ ส่งต่อบางส่วนผ่านไปยังพรรคการเมือง (เฉพาะส่วนการเมืองการปกครอง ยังมีแผนการบางส่วนที่แม้แต่พรรคการเมือง ก็ไม่อาจรู้ได้ครับ) พวกเขาก็จะกำหนดคุณลักษณะ "ผู้นำ" ในแบบที่พวกเขาต้องการ แล้วพรรคการเมืองก็จะสนอบตอบด้วยการ "สนับสนุนคนๆ นั้นให้เ้ข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี" ครับ ทีนี้ เขาก็ต้องเลือกคนที่มีคุณลักษณะสอดคล้องกับแนวทางของเขาอย่างยิ่งยวด เรียกว่า "เหมือนปั้มแบบออกมาจากโรงงานที่เขาผลิตและกำหนดคุณภาพได้เองเลย" ดังนั้น คุณจะเห็น "ผลลัพธ์ที่ออกมา" สะท้อนภาพความคิดและมุมมอง รวมทั้งการวางแผนการทั้งหมดของกลุ่มองค์กรลับเหล่านี้ได้ ผ่านคุณลักษณะของตัวผู้เข้าชิงประธานาธิบดีครับ เช่น สายอิลูมินาติ (รีพับริกัน) อาจมองว่าอเมริกากำลังแย่แล้ว วิกฤติยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ถูกจุดเสียที และต้องกลับมาทำให้เกิดความมั่นคงแก่อเมริกาในระดับรากฐานก่อน "อย่าเพิ่งรีบสยายปีก" แต่สายฟรีเมสัน (เดโมแครต) อาจมองว่าจริงอยู่อเมริกากำลังแย่ ก็ฉันกำลังแก้ไขอยู่แล้วนี่ไงเล่า ขอเวลาฉันทำต่อ ไม่นานก็สำเร็จ ฉันจะรีบสยายปีกไปปกคลุม "เอเชีย" เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำึคัญ (สังเกตุได้ว่าหลังโอบาม่าได้รับตำแหน่งต่อ ก็รีบเดินทางมาไทยทันทีครับ surprise มั้ยละ) นี่ละ มุมมองที่ต่างกันของการเมืองสองสายเลือดแบบอเมริกันชน ทีนี้ ทั้งโอบาม่า และ มิต รอมนี่ ก็ต้องมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ "จุดยืนของตนเอง" ที่ ๑. แตกต่างกัน ๒. รับสนองนโยบายที่ออกมาจากองค์กรลับเหล่านั้นของตน เพราะถ้าพวกเขาไร้จุดยืน ก่อนได้ตำแหน่งพูดอย่างหนึ่ง หลังรับตำแหน่งกลับไม่ทำละก็ คงไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไปเป็นแ่น่แท้ ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ไปสัญญาไว้กับ "องค์กรลับ" เหล่านี้ ก็จะต้องทำตามสัญญาให้เห็นเป็นรูปธรรม เพราะว่าองค์กรลับเหล่านี้่ "ออกเงินสนับสนุนพวกเขาไปแล้วก็มากมายล้นหลาม" ดังนั้น ต้องทำงานให้คุ้มกับเงินที่เขาจ่ายให้ครับ (ไม่ต่างจากดาราอฮอลีวูดที่ดังมาได้เพราะการไ้ด้รับการสนัึบสนุนจากองค์กรลับเหล่านี้่ เช่น ไมเคิล แจ็คสัน ที่ดังได้เพราะได้รับเงินมาใช้โฆษณาประชาสัมพันธ์ไปมากเท่าไร ถึงได้ดังทั่วโลก? ดังนั้น เขาคิดทบต้นทบดอกหมดครับ พอตายไป ก็แทบไม่เหลืออะไรเลยไงละครับ เพราะเขาเอาคืนหมด นั่นเอง) และด้วยเหตุนี้ "โอบาม่า" จึงต้องมาที่ "ประเทศไทย" ในทันที หลังจากที่ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สอง นั่นเอง


เอาละ ต่อไป ผมอยากจะเปิดเวทีให้คุณทั้งหลาย แสดงความคิดเห็นเชิงเปรียบเทียบ ระหว่างคนสองคนนี้ ซึ่งก็เป็นตัวหมากสำคัญขององค์กรลับทั้งสองสายเลือดนั้น พวกเขาไม่มีสิทธิ์จะคิดเอง ทำเอง หรือทำอะไรนอกลู่นอกทางไปจาก "แผนการที่ออกมาจากองค์กรลับ" ได้เลย พวกเขามีอำนาจเพียงเปลือกนอก แต่พวกเขาก็ต้องทำตามคำสั่งของ "องค์กรลับ" อีกที เดินเกมตามแผนการขององค์กรลับที่สนับสนุนตนอีกทีครับ (ดังนั้นในการวิจารณ์การทำงานของคนสองคนนี้ จะดูความคิดเขาอย่างเดียวไม่ไ่ด้ เพราะพวกเขาก็ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง อิสระที่จะคิดหรือทำอะไรได้ตามใจ อย่างนั้นก็ทำไม่ได้นะครับ) อีกประเด็นหนึ่งที่ผมอยากให้ทุกท่านลองพิจารณา ไม่ลืมมองไปคือ "เรื่องพฤติกรรมของอเมริกันชนที่เปลี่ยนแปลงไปครับ" เหมือนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปนั่นแหละ (ทำให้คนขายของงง ออกเพลงดีๆ มาขายไม่ได้ ออกกังนัมสไตล์มาก กลับดังเปรี้ยงไงครับ) เพราะหลังผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ก็มี "เสียง" ออกมาวิจารณ์ว่า "โครงสร้างประชากรของอเมริกันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว" หมายถึงว่า คนอเมริกัน ไม่เหมือนเดิม เช่น อาจมีคนผิวสีมากขึ้นไหม?, มีคนต่างชาติเข้ามาเยอะขึ้นไหม?, มีคนรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่กลุ่มชาตินิยมแบบเดิมๆ เยอะขึ้นไหม? เป็นต้น เพราะผลการเลือกตั้งมันก็เป็นภาพสะท้อน "ความเป็นอเมริกันชน" ได้ อีกในนัยยะหนึ่งด้วยนะครับ ดังนั้น ท่านก็ควรมองภาพทั้งสองภาพนี้ (ผู้นำ-อเมริกันชน) พร้อมกันด้วย

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ในประเทศไทยก็มีคนที่พยายามทำการเมืองบ้านเรา
ให้ก้าวไปคล้ายแบบ "อเมริกันสไตล์" นะครับ เช่น ที่
ออกกฏหมายให้เรา เลือกไ้ด้ว่าจะให้เงินภาษีของเรา
ไปสนับสนุนพรรคการเมืองไหน? อันนั้นละครับ มันก็
เป็นสไตล์ของอเมริกันเหมือนกัน ...

แสดงความคิดเห็น