อ่าเรามาประเดิมบทความวิจารณ์กันด้วย "มวยคู่เอก" คู่แรกของเราวันนี้ คือ บูเช็คเทียนและซูสีไทเฮา นั่นเอง เอาละ ใครจะวางเดิมพันฝ่ายไหน ก็ลงได้เลยครับ เย้ย ม่ายช่าย เรากำลังจะมาวิจารณ์บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีนสองท่านนี้ นะครับ ในเรื่องการเมืองการปกครอง เพราะทั้งสองท่านนั้นคือ บุคคลในวงการการเมืองนะครับ และเพื่อไม่ให้เกินเลยไปมาก เราจะจำกัดวงคนดู อ่ะ ม้ายช่ายๆ เราจะจำกัดขอบเขตการวิจารณ์อยู่ในเรื่องของการเมืองการปกครองก่อนนะครับ ไม่เอาเรื่องส่วนตัว หรือการทำหน้าที่ในครอบครัวมาวิจารณ์กันในที่นี้ครับ (ประเด็นอื่นๆ ก็วิจารณ์ได้ครับ แต่ขอไว้บทความหน้า)
สิ่งที่ผมเห็นชัดเจนในความแตกต่างของบุคคลสองคนนี้คือ "จุดเริ่มต้น" และ "ผลลัพธ์สุดท้าย" ครับ มันต่างกันมากทีเดียว กล่าวคือ ผมไม่ได้มองจุดเริ่มต้นของบุคคลทั้งสองว่าเป็นใครมาจากไหน และเริ่มต้นมีอำนาจได้อย่างไร แต่ผมจะเจาะลงไปเลยครับที่แก่นของมัน ว่าเขาทั้งสองแตกต่างกันอย่างไร นั่นก็คือ "ความเชื่อและทัศนคติในการทำงาน" นะครับ อย่างนี้ครับบูเช็คเทียนมีทัศนคติด้านลบในเพศของตนเองมาก่อน ด้วยน้อยอกน้อยใจที่เกิดเป็นหญิงแล้วไม่ได้รับความเท่าเทียมเหมือนดังชาย ทำให้บูเช็คเทียนประชดสังคมที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้หญิง ด้วยการทำตัวอยู่เหนือการวิพากย์วิจารณ์ของผู้คน กล่าวคือ เขาไม่สนใจแล้วว่าใครจะวิจารณ์เขาอย่างไร เขาเชื่อว่าเขาทำถูกแล้ว คิดดีแล้ว เขาก็ทำครับ ผลออกมาเลยโดนด่า นินทา วิจารณ์ ในด้านลบมากมายสารพัดประการ เรียกว่า มากที่สุดในประวัติศาสตร์แล้วครับ ในด้าน "วิจารณ์แบบไม่จริง" นะครับ (อย่างจิ๋นซีฯ นี่เขาวิจารณ์ตรง ของจริงครับ) กล่าวคือ ถ้าบูเช็คเทียนมีความคิดว่าอะไรควรทำ ก็จะืทำโดยไม่สนใจการวิพากย์วิจารณ์ของใคร ก็เลยโดนวิจารณ์ด้านลบไปเสีย แต่ผลงานออกมา ก็ดีครับ มันทำให้เกิดความมั่นคงของประเทศ ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย คุณอย่าลืมนะีครับว่าก่อนหน้าบูเช็คเทียนนั้น มีฮ่องเต้ถังไท่จง ที่ดูออกจะได้รับคำวิจารณ์ด้่านดีมากมาย เพราะทำอะไรให้แผ่นดินเยอะแยะ แต่จุดเสียที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดคือ "การยึดอำนาจโดยเข่นฆ่าพี่น้องตัวเอง" นะครับ แล้วมันเลยทำให้ขุนนาง, อำมาตย์, คนรุ่นต่อๆ มา เริ่มเอาเยี่ยงอย่างตามๆ กันครับ และนั่น ถ้าไม่มีบูเช็คเทียนเข้ามาในยุคนั้นนะครับ ผมคิดว่าประวัติศาสตร์จีนคงไม่มียุคสมัยถังที่รุ่งเรืองเป็นแน่แท้ เพราะมันจะมีแต่การเข่นฆ่ากันเองของคนในราชวงศ์ครับ อันนี้ ไม่ได้พูดเล่นๆ นะครับ เพราะบูเช็คเทียนเอาจริง เด็ดขาด และทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่สนคำวิจารณ์ของใคร มันถึงได้ออกมาเป็นเช่นนี้่ได้ หลังบูเช็คเทียนลงจากอำนาจแล้ว ยังไม่วายครับ มีการแย่งชิงอำนาจกันอีก เกือบจะแย่แล้ว โชคดีที่จบได้น่ะครับ
เอาละ ทีนี้ ลองมาดูฝ่ายซูสีไทเฮากันบ้าง เธอคนนี้ คงอาศัยประวัติศาสตร์ว่าบูเช็คเทียนถูกวิจารณ์ด้านลบมากแค่ไหน เธอเลยไม่ยอมทำสิ่งที่จะเปิดช่องให้คนวิจารณ์ด้านลบได้ พยายามอยู่แต่ในกรอบของจารีตประเพณีตลอด ไม่ให้มีช่องโหว่ให้ใครมาจับผิด ทว่า นั่นกลายเป็นข้อเสียอันยิ่งใหญ่เลยครับ กล่าวคือ มันเป็นการเอา "ความถูกต้องมาเป็นกะลาครอบหัว" ไงครับ เพื่อให้ตัวเองทำสิ่งที่ถูกต้อง ตามมุมมองของใครๆ จะได้ไม่ถูกเขาวิพากย์วิจารณ์ในด้านลบ ทำให้ตัวเองต้องถูกขังกรอบอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ล้าหลังเหล่านั้น เพราะขณะที่ซูสีไทเฮากำลังควบคุมอำนาจในราชสำนักได้อย่างเบ็ดเสร็จนั้น พระนางฯ ลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไปอย่่างหนึ่งก็คือ "พลังเงียบที่กำลังก่อตัวอยู่นอกระบบ" ครับ นั่นเอง ทำให้เกิดการปฏิวัติและนำประเทศจีนเข้าสู่ยุคใหม่คือ ยุคคอมมิวนิสต์ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ระบบกษัตริย์ที่มีมายาวนาน ต้องล่มสลายไป ถ้าคุณย้อนกลับไปดูก่อนหน้านี้ คุณก็พบครับว่า "มีนักการเมืองนอกระบบ" ที่เึคลื่อนไหวจนกระทบความมั่นคงของราชวงศ์มากมาย เพราะอะไรหรือครับ? เพราะราชวงศ์นี้มาจากเชื้อสายชาวแมนจู ไม่ใช่ชาวฮั่นนั่นเอง เหล่าชาวฮั่่นซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่แต่ดั้งเดิม ก็เริ่มก่อตัว เคลื่อนไหวอย่างลับๆ อยู่นอกระบบตลอดเวลา จน "สมัยเฉียนหลงฮ่องเ้ต้" ต้องทำการกวาดล้างขนานใหญ่ โดยเริ่มต้นจากวัดเส้าหลิน ซึ่งเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังสำคัญของชาวฮั่นก่อน ตามมาด้วยการกวาดล้างชาวยุทธมากมาย (อันนี้เพื่อความมั่นคงของราชวงศ์แมนจู นั่นเอง) ทว่า ซูสีไทเฮากลับไม่เคยสนใจคนเหล่านั้นเลย เพราะคิดว่าพวกนี้ไม่มีอำนาจอะไร ส่วนตนก็มีอำนาจในราชวงศ์ที่ควบคุมไว้้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไงครับ นั่นแหละ ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ ดังที่ผมเรียกว่า "เอากะลาแห่งความถูกต้องมาครอบหัว" ไว้นั่นเอง
เอาละ ผมจะวิจารณ์แต่แก่นแท้และจุดสำคัญๆ จริงๆ เท่านั้น รายละเอียดปลีกย่อยผมจะไม่ลงในบทความนะครับ เพื่อเปิดให้ท่านทั้งหลายโพสกระทู้วิจารณ์กันต่อไป ผมขอเปิดประเด็นเอาไว้เท่านี้ก่อนครับ ...
skip to main |
skip to sidebar
ทันโลก ทันคน ล้วงลึกทุกความลับจากระดับเล็กสู่ระดับโลก ที่นี่ที่เดียว
วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
บทความที่ได้รับความนิยม
-
เรื่องสืบเนื่องมาจากข่าวการข่มขืนในประเทศอินเดีย ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งแม้กระทั่งในรถโดยสารและแม้ว่าจะมีผู้โดยสารอยู่มากก็ตาม จึงทำให้เกิดควา...
-
Oh my god! ผมตกใจและตะลึงมากที่ได้ยินข่าวนี้ "พม่าร่างกฏหมายใหม่เปิดให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้ 100%" อะไรเนี่ย? ฟังแค่นี้ คุณอาจเ...
-
ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนนะครับว่า ผมไม่ใช่ทั้งคนเสื้อแดงและคนเสื้อเหลือง และไม่เคยคิดที่จะเข้าข้างฝ่ายไหน (เพราะทุกฝ่ายก็คือคนไทยทั้งหมด ทั้งนั...
Blog Archive
-
▼
2012
(24)
-
▼
พฤศจิกายน
(13)
- มวยคู่เอก : บูเช็คเทียน VS ซูสีไทเฮา
- นิยายกำลังภายใน : ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยนอกตำรา
- มวยคู่เอก : โอบาม่า VS มิต รอมนี่
- โพรมีธีอุส ฤาคือ จินตนาการไร้สารความจริง
- มวยคู่เอก : นิวเอจ VS มอร์มอน
- มวยคู่เอก : โอบาม่า VS สีเจี้ยนผิง
- "สงครามเย็น" กับ "สงครามไฟ" ใครได้เปรียบ?
- พระรามปราบทศกัณฐ์ ทำถูกต้องแล้วจริงหรือ?
- ทำไมม็อบเสธ อ้าย จึงหยุดกลางคัน?
- เบื้องหลัง "ทฤษฎีสองสูง" อันนำไปสู่นโยบายเพิ่มค่าแ...
- ลัทธิล่าแม่มดในประเทศไทย มีจริงหรือ?
- "อำนาจอื่นภายนอก" ที่พลเอกประยุทธ์กล่าวถึง คืออะไร?
- ปลดคุณอภิสิทธิ์ ดีต่อคุณยิ่งลักษณ์หรือคุณทักษิณกัน...
-
▼
พฤศจิกายน
(13)
ผู้ติดตาม
รวมลิงค์เข้าสู่เว็บไซต์ต่างๆ
Translate
web index

ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. ขับเคลื่อนโดย Blogger.
1 ความคิดเห็น:
คุณคิดว่านักการเมืองในประเทศ หรือในโลก ยุคปัจจุบัน คนใด เปรียบเทียบได้กับบูเช็คเทียน และใครเปรียบเทียบได้กับซูสีไทเฮาครับ?
แสดงความคิดเห็น