วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"สงครามเย็น" กับ "สงครามไฟ" ใครได้เปรียบ?

ในบทความนี้ ผมจะขอวิจารณ์ต่อเนื่องจากบทความก่อนๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการขยายอิทธิพลของชาติมหาอำนาจสองยักษ์ใหญ่ นั่นคือ อเมริกา และ จีน ครับ ผมจะสรุปง่ายๆ สั้นๆ เลยก็แล้วกัน กล่าวคือ ฝ่ายอเมริกาจะใช้ "สงครามไฟ" คือ เปิดเผย, สู้รบโดยใช้อาวุธ และก่อให้เกิดผลเสียหายเชิงวัตถุด้วย ผมขอเรียกว่าเป็น "สงครามไฟ" ก็แล้วกัน ซึ่งอเมริกาใช้ได้ผลมากมาแล้วกับชาติอาหรับ และเมื่อปีที่แล้ว ก็ทำให้หลายชาติให้อาหรับเกิดการปฏิวัติลูกโซ่ต่อเนื่องกันหลายประเทศ เกือบจะเป็นโดมิโน่อยู่แล้ว แต่กระบวนการชะงักไปก่อนครับ ดังนั้น ท่านไม่ต้องแปลกใจถ้าฝ่ายอเมริกาจะใช้กลยุทธ์ที่ประสบผลสำเร็จแล้วนี้ "เป็นโมเดลในการใช้กับเอเชีย" ด้วย ส่วนฝ่ายจีนจะใช้ "สงครามเย็น" ครับ (ธาตุน้ำ) กล่าวคือ จะไม่มีการสู้รบทางการทหารแบบตรงๆ หรือเปิดเผย แต่จะเป็นการ "กลืนเงียบ" เช่น การอยู่เบื้องหลังของผู้มีอำนาจทางการเมืองของประเทศต่างๆ เช่น กัมพูชา, ไทย, ลาว, พม่า เ็ป็นต้น ซึ่งภายหลังพม่ากำลังตีตัวออกห่างจากจีนแล้ว และเริ่มหันมาจับมือกับอเมริกาเพื่อถ่วงดุลอำนาจครับ ส่วนไทย ก็คานอำนาจด้วยสีเสื้อที่ต่างกัน (อันนี้ คงไม่ต้องบอกตรงๆ นะครับ น่าจะรู้ว่าสีอะไรอยู่ฝ่ายไหน) เพราะหลังจากที่จีนประสบผลสำเร็จกับ "กลยุทธ์กลืนเงียบ" ได้ ธิเบต ไปแล้ว ก็เริ่มขยายออกมาอีกหลายประเทศมากครับ


คำถามก็คือ สงครามรูปแบบไหน ใครได้เปรียบ เพราะอะไร? ตอบง่ายๆ สั้นๆ เลยครับ ถ้าใช้สงครามเย็นต่อไป "จีน" ได้เปรียบและกลืนเรียบแน่ แต่ถ้าใช้สงครามไฟ "อเมริกา" ได้เปรียบแน่นอนครับ ดังนั้น มันจึงขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถ "สร้างสถานการณ์ที่เื้อื้อต่อสงครามรูปแบบใด ให้เกิดขึ้น" ก็เท่านั้นเองครับ เช่น ถ้าจีนอ้างสันติภาพ แล้วทำสงครามเงียบๆ เย็นๆ กลืนเงียบอย่างนี้ต่อไป โดยไม่มีการต่อต้านไม่มีการสู้รบเลย จีนก็จะ "ชนะโดยไม่ต้องรบ" กินเรียบหมดครับ แต่ถ้าอเมริกา "จุดปมฉนวนสงคราม" ยั่วยุให้จีนถลำเปิดศึกแบบเปิดเผยเอง ทำสงครามไฟ อย่างเปิดเผยได้ อเมริกาก็จะมี "ข้ออ้างที่สวยหรู" ในการยื่นมือเข้ามาเล่นงานจีนครับ และนั่น จะทำให้อเมริกาได้เปรียบจีนทันที เช่น ยุให้ฟิลิปปินส์ปะทะตรงๆ กับจีนไปเลย เพื่อให้จีนเปิดศึก ถ้าจีนเปิดศึก อเมริกาก็จะอ้างว่า "ฉันจะขอเข้ามาช่วยเหลือฟิลิปปินส์ เพื่อนของฉัน" แล้วก็อัดสงครามไฟใส่จีนไปเลย รับรองว่าอเมริกาได้เปรียบแน่นอนครับ (อเมริกาก็ได้ชัยในศึกแถบอาหรับมากมายมาแล้วครับ) ดังนั้น เพื่อไม่ให้อเมริกาทำเช่นนั้นได้ จีนจึงต้องใช้ "กัมพูชา" ออกมารับหน้า "ชนกับฟิลิปปินส์" แทน ดังที่คุณเห็นในข่าววันนี้ (๒๐ พ.ย.) ในที่ประชุมอาเซียน กัมพูชาเสนอให้อาเซียนแก้ไขปัญหาข้อพิพาททะเลจีนใต้เอง โดยไม่มีอเมริกาเข้ามายุ่ง "เป็นฉันทามติ" แต่ทันใดนั้น "ฟิลิปปินส์" ก็ค้านทันทีว่า "ไม่ใช่ฉันทามติ เพราะฟิลิปปินส์ไม่ได้เห็นด้วยเลย" เป็นอันว่าจีนก็ไม่ต้องเปิดศึกโดยตรงกับใคร โดยใช้ "กัมพูชา" เป็นตัวเดินเกมแทน ทว่า ผมคิดว่าหมากเกมนี้ยังไม่จบง่ายๆ ครับ มันจะต้องมี "รุกไล่ต้อนให้จนมุม" ต่อไป เพื่อให้ "จีนถลำตัว ออกหน้า เปิดศึกเอง" เมื่อจีนเล่นงานคนอื่นเขาก่อน ก็ต้องเป็น "ฝ่ายรุกราน" และทำให้อเมริกาได้รับ "ความชอบธรม" ในการยื่นมือเข้าช่วยเหลือฟิลิปปินส์ทันที ดังนั้น คุณลองดูต่อไปว่าพวกเขาจะเดินเกมนี้หรือไม่? หรือว่าถอยทั้งคู่ เพราะตึงเครียดเกินไป (ใจไม่ถึง ไม่กล้าวางหมากต่อไป) แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่มีผลดีต่ออาเซียนเลยครับ ดังนั้น กลุ่มประเทศอาเซียนต้องหาทาง "เอาตัวเองรอด" จากวังวนนี้ให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปนะครับ


เอาละ ถ้าคุณเห็นผู้เข้าร่วมประชุมอาเซียนในประเทศกัมพูชาวันนี้ คุณคงแปลกใจมาก เพราะไม่เคยมีมาก่อนที่จะพบผู้นำระดับบิ้กๆ จากประเทศใหญ่ๆ หลายประเทศ จ้องรุมสุมหัวเข้าหากันขนาดนี้ มาหมดทั้งจีน, อเมริกา, รัสเซีย ฯลฯ ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่นอนครับ ซึ่งเราก็จะได้จับตามองกันต่อไป...



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น