วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สงครามเย็น การปฏิรูปสีเจี้ยนผิง เปาบุ้นจิ้น 2012

ผมได้แจ้งให้ท่านทราบแล้วว่า "จีนเดินกลยุทธ์สงครามเย็น" และ อเมริกาเดินกลยุทธ์ "สงครามไฟ" ต่างกัน อย่างนี้ ชัยชนะ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสร้างสถานการณ์ให้เอื้อต่อกลยุทธ์ของตนเองได้มากกว่ากัน ก็เท่านั้น เช่น ถ้าทำให้เกิดสงครามไฟ เปิดเผยได้ อเมริกาก็ได้เปรียบ แต่ถ้าไม่ให้เกิดได้ ก็เข้าสู่สงครามเย็นต่อไป จีนก็ได้เปรียบ ดังนั้น "จีนจึงไม่มีนโยบายทำสงครามเปิดเผย" มีแต่สงครามเย็นแบบลับๆ เท่านั้น (และเป็นเหตุให้ อเมริกาตอบโต้กลับด้วย HAARP ก่อให้เกิดภัยพิบัติที่ไม่ไ่ด้เกิดจากธรรมชาติที่แท้จริง เพราะเป็นการลอบกัดเหมือนกัน) ด้วยเหตุนี้ จีนจึงมุ่งเน้นกลยุทธ์ สร้างความเข้มแข็งจากภายใน และ "กัดกร่อนภายนอกอย่างช้าๆ" เป็นกลยุทธ์ "น้ำกรดแช่เย็น" และเพื่อให้กลยุทธ์เข้มแข็งจากภายในสำเร็จดั่ง "ซางหยาง" ที่เคยปฏิรูปรัฐฉินจนทำให้ชาติที่ยากจนกลายเป็นมหาอำนาจไปแล้ว จึงมีการกวาดล้างและเช็คบิลกันยกใหญ่ ดังที่ท่านได้เห็นข่าวว่านักการเมือง, ผู้มีอำนาจของจีน มากมายที่โดนเล่นงานแบบเรียงหัวกันไปเลย ออกข่าวแทบไม่เว้นแต่ละเดืิอน เดี๋ยวคนนั้นคอรัปชั้น เดี๋ยวคนนี้มีเรื่องฉาวโฉ่ ฯลฯ นั่นแหละ ผมจึงเรียก สีเจี้ยนผิง ว่า "เปาบุ้นจิ้น 2012" มาลงดาบเล่นงานพวกอำนาจเก่าให้หมดไป เพื่อเปิดทางให้กลุ่มอำนาจใหม่ขึ้นมา เปลี่ยนโครงสร้างผู้มีอำนาจจากเดิมที่มาจาก "เชื้อสาย" ให้เป็นมาจาก "ความสามารถ" อันเป็นสิ่งที่สีเจี้ยนผิง "เก็บกดมานานแล้ว" (ไม่ต่างจากเปาบุ้นจิ้นที่เก็บตัวเฝ้าสุสานบิดาเป็นสิบปีเลยครับ) เอาละ แม้ว่าเขาจะไม่สำเร็จถึงที่สุด แต่ไม่้ต้องกลัวครับ แค่ทำให้คนเก่าที่ไม่ไ่ด้เรื่องออกไปซะ เปิดทางให้คนใหม่ๆ ดีๆ เข้ามาแทนที่ได้ เท่านั้น ก็ยอดเยี่ยมแล้ว ถ้าเขาเดินหมากต่อไม่ได้ ก็จะมี "มือใหม่มารับช่วงต่อ" แน่นอนครับ รับรองว่าสภาคอมมิวนิสต์จีน "ไม่ขาดคนมีความสามารถแน่นอน" อันนี้รับรองได้ว่า "เสือซุ่มมังกรซ่อน" ยังมีอยู่ในนั้นอีกมากมายครับ (อย่าประมาทไปเชียว) เพราะอะไรหรือครับ? เพราะเบื้องหลังประธานาธิบดี ยังมีคนที่มีอำนาจมากกว่าที่ไม่แสดงตัวออกมาอีก อย่างไรละครับ คนเหล่านี้ คอยคัดเลือกสรรหา "ประธานาธิบดี" ที่เหมาะสมกับจีน มาสานต่องานต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด คนจีนเก่งๆ ก็ถูกจัดสรรให้ไปบำเพ็ญบารมี ฝึกตนอย่างหนัก อดทนแล้วรอไว้ ถึงวาระ เวลาของตนเมื่อไร พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็จะค่อยๆ ปั้นให้จนถึงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ครับ


นั่นคือ ระบบพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่แตกต่างจากระบอบประชาธิปไตยของอเมริกา ดังนั้น เมื่อเขาเตรียมเข้าสู่ยุคสงครามเย็นเต็มรูปแบบแล้ว ใครบ้างละที่จะเตรียมพร้อมกับกระแสนี้? ก็มี ๑. พม่า ครับ อย่าดูถูกประธานาธิบดีคนปัจจุบันเด็ดขาด คนนี้ไม่ธรรมดา เขากำลังปฏิรูปโครงสร้างอำนาจภายในอยู่ครับ เพื่อให้มีแต่พวก "หัวก้าวหน้า" มาทำงาน เอาพวกหัวอนุรักษ์นิยมออกไป ทั้งยังเปลี่ยนสายป่านจากจีนอย่างเดียว มาเป็น "คานอำนาจจีน-อเมริกา" นี่ไม่ธรรมดาเลยครับ เพราะสิ่งเหล่านี้ที่ผมพูดมาทั้งหมด "มันยากมากครับ" สำหรับพม่านะ ถ้าคุณเป็นคนพม่า จะรู้ว่ามันตึงเครียดแค่ไหน ที่มีหลายชนเผ่า แต่ละชนเผ่าก็มี "กองกำลังทหารของตัวเองทั้งนั้น" อยู่รายรอบเต็มป่าไปหมด แต่เขาทำได้ขนาดนี้ ในเวลาอันสั้น ผมจึงประมาทเขาไม่ได้เลยครับ ๒. สิงคโปร์ ตอนนี้ กำลังวางรากฐานของตนเองให้มั่นคงยิ่งขึ้น และสร้างความแตกต่างให้ชัดเจนจากประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เช่น มุ่งเน้นการเป็นธนาคารแห่งอาเซียน (นายทุนแห่งอาเซียน) ในขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นส่งเสริมด้านศิลปะวัฒนธรรมอันเป็นสิ่งที่เขาขาด เป็นจุดอ่อนของเขาครับ นับว่า "สอบผ่านเต็ม ๑๐๐%" ส่วนเวียดนามยังบ้าคลั่งแข่งขันกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว มั่วไปหมดจนงงเอง ตอนแรกก็ดีกับจีน เอาแผนเขามาเล่นงานไทยด้วยการกดราคาข้าวแข่งกับไทย ตอนนี้ไปตีกับจีนต่อเรื่องข้อพิืพาทเขตชายแดน ดูสิ ว่ามั่วแค่ไหน? บางทีก็ก้อปความคิดคนอื่นมาทำ มั่วไปหมด แต่ก็ขอชื่นชมว่า "เขาทำเร็ว และทำจริง" เพียงแต่ต้องใจเย็นๆ นิ่งๆ แล้วให้มันแม่นๆ หน่อย ไม่มั่วแบบนี้ เอาละ ประเทศอื่นๆ ก็ก้าวไปไกลแล้ว แต่ไทยเรายังมีปัญหาอีกมาก อาเซียนกำลังรวมเป็นตลาดเดียว มันก็ไม่ต่างจากการที่ปลาน้อยในแต่ละบ่อ ต้องกลายเป็นบ่อเดียวกัน เมื่อนั้น "ปลาใหญ่ก็กินปลาเล็กได้สบาย" ละครับ (เพราะแม้แต่กำแพงภาษีเราก็ไม่มี ที่จะป้องกันตัวเองได้นี่ครับ สินค้าเขามาราคาไหน ไม่มีบวกภาษี ราคามันก็ถูกแน่นอน ทีนี้ละ นายทุนเรากระอักแน่) เราเตรียมตัวพร้อมหรือยัง? ลองคิดดูนะครับ...







0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น